โปร่งฟ้า (Feather fern) เป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับหน่อไม้ฝรั่ง เป็นไม้เลื้อยที่มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศมีอายุยืนหลายปี นิยมนำใบ...
โปร่งฟ้า (Feather fern) เป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับหน่อไม้ฝรั่ง เป็นไม้เลื้อยที่มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศมีอายุยืนหลายปี นิยมนำใบมาตกแต่งช่อดอกไม้ แจกัน ชุ้มพิธีต่างๆ ลำต้นมีกิ่งแตกแขนงเรียวยาว มีหนามโค้งงอ ใบแผ่เป็นแผงจากโคนใบ กว้างกลางใบ และเรียวแหลมที่ปลายใบ ใบมีสีเขียวเข้ม ดอกมีสีขาว ผลมีขนาดเล็ก กลมสีดำ เมื่อต้นอายุมากจะโทรม ใบน้อยต้องขุดทิ้ง และปลูกใหม่ สามารถขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทราย การระบายน้ำ และถ่ายเทอากาศดี ชอบดินหรือดินที่มีซากใบไม้ และความชื้นสูง สามารถขึ้นได้ทั้งกลางแจ้ง และในร่ม แต่ชอบที่ร่มรำไรมากกว่า จึงนิยมปลูกแซมกับพืชชนิดอื่นที่มีลำต้นสูงกว่า และมีใบให้ร่มปกคลุม
advertisement
|
โปร่งฟ้าที่นำมาใช้ประโยชน์มีทั้งโปร่งฟ้าที่ได้จากการปลูก และการตัดจากแหล่งธรรมชาติ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลานานหลายปีกว่าจะได้ใบที่ยาว และสวย แต่หากใช้วิธีการปลูก และการจัดการที่ดีจะสามารถเร่งการเติบโตให้เหมาะสมกับการตัดใบจำหน่ายได้
การขยายพันธุ์
โปร่งฟ้าสามารถปลูก และขยายพันธุ์ด้วยวิธี 2 วิธี คือ การใช้เมล็ด และการแบ่งเหง้าลำต้น ( Rhizome ) นอกจากนี้ ยังสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการตัดชำ
โปร่งฟ้าสามารถปลูก และขยายพันธุ์ด้วยวิธี 2 วิธี คือ การใช้เมล็ด และการแบ่งเหง้าลำต้น ( Rhizome ) นอกจากนี้ ยังสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการตัดชำ
1. การขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด
เมล็ดมีลักษณะกลมขนาดเล็ก เท่าหัวไม้ขีด มีสีเขียว และเป็นสีดำเมื่อเมล็ดแก่ มักออกเมล็ดช่วงเดือนมีนาคม การเพาะเมล็ดโปร่งฟ้าสามารถเพาะในกระบะหรือกระถาง วัสดุที่ใช้ในการเพาะควรโปร่ง และสามารถอุ้มน้ำได้ดี เช่น ดินร่วน ดินผสมซากใบไม้ ดินผสมขุยมะพร้าว เป็นต้น ทั้งนี้ในการเลือกเมล็ดควรเลือกจากต้นแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ ไม่มีโรค ใบหนาเขียว จะเป็นการดี
เมล็ดมีลักษณะกลมขนาดเล็ก เท่าหัวไม้ขีด มีสีเขียว และเป็นสีดำเมื่อเมล็ดแก่ มักออกเมล็ดช่วงเดือนมีนาคม การเพาะเมล็ดโปร่งฟ้าสามารถเพาะในกระบะหรือกระถาง วัสดุที่ใช้ในการเพาะควรโปร่ง และสามารถอุ้มน้ำได้ดี เช่น ดินร่วน ดินผสมซากใบไม้ ดินผสมขุยมะพร้าว เป็นต้น ทั้งนี้ในการเลือกเมล็ดควรเลือกจากต้นแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ ไม่มีโรค ใบหนาเขียว จะเป็นการดี
วิธีการเพาะเมล็ด มีขั้นตอน ดังนี้
– ผสมดินกับวัสดุอินทรีย์ต่างๆ เช่น ใบไม้ ขุยมะพร้าว มูลสัตว์ ในอัตราส่วน 1:2
– ใส่ดินปลูกลงในกระบะหรือกระถางให้เต็ม พร้อมปรับหน้าดินห้เรียบ โดยให้ระดับดินต่ำกว่าขอบกระบะหรือกระถางเล็กน้อย ทั้งนี้ ควรให้เนื้อดินมีความหนาอย่างน้อย 3 นิ้ว
– จากนั้นใช้ไม้บรรทัดหรือแผ่นวัสดุที่มีลักษณะแบนทำร่องตื้น ๆ เป็นแนวยาว จากนั้นโปรยเมล็ดลงร่อง นอกจากนั้นอาจปลูกโดยวิธีหว่านเมล็ดทั่วทั้งกระบะ แต่ทั้งนี้การโปรยเมล็ดตามแนวร่องที่ทำไว้จะเหมาะกว่า เพราะเป็นระเบียบ และง่ายต่อการย้ายปลูกต่อไป
– หลังหว่านเมล็ดให้กลบด้วยดินบาง ๆ พร้อมรดน้ำให้ชุ่ม
– หลังหว่านเมล็ดให้ทำการรดน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
– เมล็ดโปร่งฟ้าจะงอกภายใน 1-2 สัปดาห์ และต้นจะมีความสูงประมาณ 2 นิ้ว ในระยะเวลา 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงย้ายลงปลูกในถุงพลาสติก เมื่อต้นมีขนาดสูงประมาณ 1 ฟุต จึงสามารถย้ายปลูกได้
– ผสมดินกับวัสดุอินทรีย์ต่างๆ เช่น ใบไม้ ขุยมะพร้าว มูลสัตว์ ในอัตราส่วน 1:2
– ใส่ดินปลูกลงในกระบะหรือกระถางให้เต็ม พร้อมปรับหน้าดินห้เรียบ โดยให้ระดับดินต่ำกว่าขอบกระบะหรือกระถางเล็กน้อย ทั้งนี้ ควรให้เนื้อดินมีความหนาอย่างน้อย 3 นิ้ว
– จากนั้นใช้ไม้บรรทัดหรือแผ่นวัสดุที่มีลักษณะแบนทำร่องตื้น ๆ เป็นแนวยาว จากนั้นโปรยเมล็ดลงร่อง นอกจากนั้นอาจปลูกโดยวิธีหว่านเมล็ดทั่วทั้งกระบะ แต่ทั้งนี้การโปรยเมล็ดตามแนวร่องที่ทำไว้จะเหมาะกว่า เพราะเป็นระเบียบ และง่ายต่อการย้ายปลูกต่อไป
– หลังหว่านเมล็ดให้กลบด้วยดินบาง ๆ พร้อมรดน้ำให้ชุ่ม
– หลังหว่านเมล็ดให้ทำการรดน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
– เมล็ดโปร่งฟ้าจะงอกภายใน 1-2 สัปดาห์ และต้นจะมีความสูงประมาณ 2 นิ้ว ในระยะเวลา 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงย้ายลงปลูกในถุงพลาสติก เมื่อต้นมีขนาดสูงประมาณ 1 ฟุต จึงสามารถย้ายปลูกได้
2. การขยายพันธุ์โดยแบ่งส่วนของลำต้นใต้ดิน ( Rhizome )
การปลูกโดยการย้ายเหง้าจากต้นแม่เป็นวิธีที่ใช้กับต้นที่มีอายุหลายปี มีลักษณะกอใหญ่ โดยใช้มีดผ่าแบ่งกอออกเป็นส่วน ๆ แล้วนำไปปลูกในแปลงใหญ่หรือในกระถางได้เลย
การปลูกโดยการย้ายเหง้าจากต้นแม่เป็นวิธีที่ใช้กับต้นที่มีอายุหลายปี มีลักษณะกอใหญ่ โดยใช้มีดผ่าแบ่งกอออกเป็นส่วน ๆ แล้วนำไปปลูกในแปลงใหญ่หรือในกระถางได้เลย
การปลูก และการจัดการ
การปลูกโปร่งฟ้าอาจต้องใช้เวลาในการปลูกเพื่อให้ต้นมีการแพร่แตกกอ และสามารถให้ใบได้นั้นต้องใช้เวลานานเป็นปี และตลอดช่วงให้ใบจะทำการเก็บใบนาน 6-7 ปี กว่าจะมีการเตรียมแปลงเพื่อปลูกใหม่ ดังนั้น ในการเตรียมแปลงปลูกจึงต้องพิถีพิถัน และเตรียมแปลงให้พร้อมมากที่สุดในด้านต่างๆ อาทิ การผสมอินทรีย์วัตถุให้ดิน การใส่ปุ๋ย และระบบการให้น้ำให้พร้อม รวมถึงการกำจัดวัชพืช เหง้าหรือรากพืชที่อาจเติบโตได้ออกให้หมด โดยเฉพาะวัชพืชที่มีอายุยืน เช่น แห้วหมู หญ้าขน เป็นต้น
การปลูกโปร่งฟ้าอาจต้องใช้เวลาในการปลูกเพื่อให้ต้นมีการแพร่แตกกอ และสามารถให้ใบได้นั้นต้องใช้เวลานานเป็นปี และตลอดช่วงให้ใบจะทำการเก็บใบนาน 6-7 ปี กว่าจะมีการเตรียมแปลงเพื่อปลูกใหม่ ดังนั้น ในการเตรียมแปลงปลูกจึงต้องพิถีพิถัน และเตรียมแปลงให้พร้อมมากที่สุดในด้านต่างๆ อาทิ การผสมอินทรีย์วัตถุให้ดิน การใส่ปุ๋ย และระบบการให้น้ำให้พร้อม รวมถึงการกำจัดวัชพืช เหง้าหรือรากพืชที่อาจเติบโตได้ออกให้หมด โดยเฉพาะวัชพืชที่มีอายุยืน เช่น แห้วหมู หญ้าขน เป็นต้น
หากเป็นดินเหนียวควรขุดพรวน และตากดินนาน 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ดินแห้งร่วน แล้วทำการย่อยพร้อมใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก รวมถึงการใส่ปูนขาวเล็กน้อยเพื่อปรับคุณสมบัติของดินโดยเฉพาะดินที่เป็นกรดมากไปอาจเพิ่มปริมาณปูนขาวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ให้ยกแปลงสูง ทำเป็นร่องลึกประมาณ 30 ซม. และแบ่งเป็นแปลงๆ กว้างประมาณ 1-3 เมตร เพื่อความสะดวกในการเก็บใบหรือการย้ายเหง้าปลูก ส่วนความยาวขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ โดยมีร่องสำหรับการให้น้ำแยกระหว่างแปลง
การปลูก
ให้ขุดหลุมลึกประมาณ 20 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์เล็กน้อย พร้อมเลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์ ลำต้นใหญ่ รากมาก และควรเป็นต้นกล้าที่มีขนาดเดียวกันลงแปลงเดียวกัน เพื่อให้ต้นโตสม่ำเสมอทั่วแปลง และง่ายต่อการดูแลรักษา สำหรับระยะปลูกระหว่างแถวประมาณ 50 ซม. ระยะระหว่างต้น 50 ซม. หลังจากวางกล้าลงหลุมปลูกให้กลบดินในระดับโคนต้น พร้อมกลบดินให้แน่นพอประมาณ และให้รดน้ำทันทีหลังปลูกเสร็จ
ให้ขุดหลุมลึกประมาณ 20 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์เล็กน้อย พร้อมเลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์ ลำต้นใหญ่ รากมาก และควรเป็นต้นกล้าที่มีขนาดเดียวกันลงแปลงเดียวกัน เพื่อให้ต้นโตสม่ำเสมอทั่วแปลง และง่ายต่อการดูแลรักษา สำหรับระยะปลูกระหว่างแถวประมาณ 50 ซม. ระยะระหว่างต้น 50 ซม. หลังจากวางกล้าลงหลุมปลูกให้กลบดินในระดับโคนต้น พร้อมกลบดินให้แน่นพอประมาณ และให้รดน้ำทันทีหลังปลูกเสร็จ
การดูแล
การให้น้ำ
การให้น้ำ เมื่อปลูกในระยะ 1-4 สัปดาห์แรก ควรให้น้ำในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน ในช่วงเช้า-เย็น หลังจากนั้นอาจทำการให้น้ำอย่างน้อย 1 ครั้ง/วัน พร้อมกับระบายน้ำเข้าร่องเพื่อรักษาความชื้นของแปลงปลูก
การให้น้ำ
การให้น้ำ เมื่อปลูกในระยะ 1-4 สัปดาห์แรก ควรให้น้ำในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน ในช่วงเช้า-เย็น หลังจากนั้นอาจทำการให้น้ำอย่างน้อย 1 ครั้ง/วัน พร้อมกับระบายน้ำเข้าร่องเพื่อรักษาความชื้นของแปลงปลูก
การใส่ปุ๋ย
หลังจากปลูกต้นกล้าประมาณ 1-2 เดือน แล้วสามารถให้ปุ๋ย สูตร 20-20-20 เดือนละครั้ง อาจเป็นสูตรน้ำที่ให้โดยการฉีดพ่นทางใบหรือปุ๋ยเม็ดหว่านลงแปลง สำหรับการปลูกแบบยกร่องควรทำการลอกเลนปีละ 1 ครั้ง โดยเลนที่ทำการลอกให้นำกลับมากลบบริเวณโคนต้นหรือกลบแปลงปลูกอีกครั้ง หรือใช้กลบหลังการหว่านปุ๋ย ซึ่งจะช่วยเพิ่มธาตุอาหารแก่โปร่งฟ้า และรักษาความชื้นของดินรวมถึงป้องกันไม่ให้ท้องร่องตื้นเขิน และมีน้ำขังในร่องเพียงพอต่อการเจริญเติบโต โรคที่พบ ได้แก่ โรคโคนเน่า ส่วนแมลงที่พบ ได้แก่ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอนผีเสื้อต่างๆ โดยอาจใช้ยาปฏิชีวนะฉีดพ่นกำจัด
หลังจากปลูกต้นกล้าประมาณ 1-2 เดือน แล้วสามารถให้ปุ๋ย สูตร 20-20-20 เดือนละครั้ง อาจเป็นสูตรน้ำที่ให้โดยการฉีดพ่นทางใบหรือปุ๋ยเม็ดหว่านลงแปลง สำหรับการปลูกแบบยกร่องควรทำการลอกเลนปีละ 1 ครั้ง โดยเลนที่ทำการลอกให้นำกลับมากลบบริเวณโคนต้นหรือกลบแปลงปลูกอีกครั้ง หรือใช้กลบหลังการหว่านปุ๋ย ซึ่งจะช่วยเพิ่มธาตุอาหารแก่โปร่งฟ้า และรักษาความชื้นของดินรวมถึงป้องกันไม่ให้ท้องร่องตื้นเขิน และมีน้ำขังในร่องเพียงพอต่อการเจริญเติบโต โรคที่พบ ได้แก่ โรคโคนเน่า ส่วนแมลงที่พบ ได้แก่ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอนผีเสื้อต่างๆ โดยอาจใช้ยาปฏิชีวนะฉีดพ่นกำจัด
การทำค้าง
เนื่องด้วยโปร่งฟ้าเป็นไม้เลื้อย จึงจำเป็นต้องทำค้างให้ต้นเลื้อยพันเวลาเติบโต เพื่อให้ต้นเลื้อยพันขึ้นสูงไม่พับงอหรือเลื้อยตามพื้นดิน ซึ่งอาจทำให้ลำต้นพันกับกออื่นได้ นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องความสะดวกในการเก็บใบอีกด้วย การทำค้างแนะนำควรทำเมื่อโปร่งฟ้ามีอายุประมาณ 2-3 เดือน นิยมทำได้ 2 ลักษณะ คือ
1. ใช้ลำไม้ไผ่ขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ฝังข้างต้นลึกพอประมาณ และห่างจากโคนต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้ลำไม้ไผ่โค่นหรือเอียงได้
2. ใช้เสาซีเมนต์หรือเสาไม้ ทำค้างโดยปักหัว-ท้ายแปลงในแนวยาวของแปลง โดยให้เสาแต่ละต้นห่างกันตามแนวขวางประมาณ 2-3 เมตร พร้อมใช้ไม้ยึดระหว่างเสาทั้ง 2 ต้น ส่วนแนวยาวระหว่างต้นเสาจะใช้ลวดเส้นใหญ่พาดขึง วิธีนี้ค่อนข้างทนทาน และสะดวกต่อการเก็บใบ แต่มีราคาแพงกว่า
เนื่องด้วยโปร่งฟ้าเป็นไม้เลื้อย จึงจำเป็นต้องทำค้างให้ต้นเลื้อยพันเวลาเติบโต เพื่อให้ต้นเลื้อยพันขึ้นสูงไม่พับงอหรือเลื้อยตามพื้นดิน ซึ่งอาจทำให้ลำต้นพันกับกออื่นได้ นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องความสะดวกในการเก็บใบอีกด้วย การทำค้างแนะนำควรทำเมื่อโปร่งฟ้ามีอายุประมาณ 2-3 เดือน นิยมทำได้ 2 ลักษณะ คือ
1. ใช้ลำไม้ไผ่ขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ฝังข้างต้นลึกพอประมาณ และห่างจากโคนต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้ลำไม้ไผ่โค่นหรือเอียงได้
2. ใช้เสาซีเมนต์หรือเสาไม้ ทำค้างโดยปักหัว-ท้ายแปลงในแนวยาวของแปลง โดยให้เสาแต่ละต้นห่างกันตามแนวขวางประมาณ 2-3 เมตร พร้อมใช้ไม้ยึดระหว่างเสาทั้ง 2 ต้น ส่วนแนวยาวระหว่างต้นเสาจะใช้ลวดเส้นใหญ่พาดขึง วิธีนี้ค่อนข้างทนทาน และสะดวกต่อการเก็บใบ แต่มีราคาแพงกว่า
การกำจัดวัชพืช
การกำจัดวัชพืชในช่วงในช่วงแรกๆที่โปร่งฟ้าเริ่มตั้งตัวจำเป็นต้องใช้มือถอน เพราะหากใช้อุปกรณ์ชนิดอื่นเข้าช่วยอาจทำความเสียหายแก่รากอ่อนได้ ยกเว้นบริเวณที่ห่างจากโคนต้นอาจใช้พลั่วเล็กช่วยในการคุ้ยดินได้ รวมไปถึงการกำจัดวัชพืชในระยะต่างๆจำเป็นต้องมั่นตรวจสอบ และคอยกำจัดวัชพืชอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง นอกจากนั้น ไม่ควรใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืชซึ่งหากใช้อาจมีผลกระทบต่อใบโปร่งฟ้าได้
การกำจัดวัชพืชในช่วงในช่วงแรกๆที่โปร่งฟ้าเริ่มตั้งตัวจำเป็นต้องใช้มือถอน เพราะหากใช้อุปกรณ์ชนิดอื่นเข้าช่วยอาจทำความเสียหายแก่รากอ่อนได้ ยกเว้นบริเวณที่ห่างจากโคนต้นอาจใช้พลั่วเล็กช่วยในการคุ้ยดินได้ รวมไปถึงการกำจัดวัชพืชในระยะต่างๆจำเป็นต้องมั่นตรวจสอบ และคอยกำจัดวัชพืชอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง นอกจากนั้น ไม่ควรใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืชซึ่งหากใช้อาจมีผลกระทบต่อใบโปร่งฟ้าได้
การเก็บใบ
การเก็บใบจะสามารถเก็บได้เมื่อโปร่งฟ้าลงแปลงแล้วประมาณ 1 ปี โดยใบที่มีคุณภาพดีที่สุดและมีปริมาณสูงจะให้ได้ในช่วงอายุปีที่ 3-4 แล้วจะค่อยๆลดลง ในช่วงปีที่ 6-7 ดังนั้นใช่วงปีที่ 5-6 จำเป็นต้องแบ่งเหง้าจากต้นแม่ออกปลูกใหม่ เพื่อเตรียมแปลงต่อไป การเก็บจะเลือกเก็บใบแก่ มีสีเขียวเข้ม เว้นระยะเก็บประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สำหรับวิธีการเก็บจะใช้กรรไกรหรือมีด ตัดที่โคนก้านใบในระยะไกล้โคนต้น จากนั้นนำเข้าร่ม และคัดขนาด พร้อมมัดเป็นกำๆ ละ 50- 100 ใบ เพื่อรอจำหน่าย
การเก็บใบจะสามารถเก็บได้เมื่อโปร่งฟ้าลงแปลงแล้วประมาณ 1 ปี โดยใบที่มีคุณภาพดีที่สุดและมีปริมาณสูงจะให้ได้ในช่วงอายุปีที่ 3-4 แล้วจะค่อยๆลดลง ในช่วงปีที่ 6-7 ดังนั้นใช่วงปีที่ 5-6 จำเป็นต้องแบ่งเหง้าจากต้นแม่ออกปลูกใหม่ เพื่อเตรียมแปลงต่อไป การเก็บจะเลือกเก็บใบแก่ มีสีเขียวเข้ม เว้นระยะเก็บประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สำหรับวิธีการเก็บจะใช้กรรไกรหรือมีด ตัดที่โคนก้านใบในระยะไกล้โคนต้น จากนั้นนำเข้าร่ม และคัดขนาด พร้อมมัดเป็นกำๆ ละ 50- 100 ใบ เพื่อรอจำหน่าย